CAT ปรับแผนธุรกิจปี 2561 ลุยปั้นธุรกิจ New S-Curve ตอบโจทย์รัฐบาลขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0

CAT ปรับแผนธุรกิจปีหน้ามุ่งพัฒนา New S-Curve หรือกลุ่มธุรกิจใหม่โดยเน้น Digital Service เตรียมขยายบริการ Smart City บนโครงข่าย “LoRa” รองรับเทรนด์ IoT และบิ๊กดาต้าเติบโตมหาศาล พร้อมเร่งผลักดันโครงการต่อเนื่องจากปี 2560 ทั้งขยายเคเบิลใต้น้ำ และ “Digital Park Thailand” เมืองนวัตกรรมดิจิทัลครบวงจรในพื้นที่ EEC ปีหน้าหวังสร้างรายได้เพิ่มจากโครงการดาวเทียมภาครัฐ 

IMG_1520

พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์  กรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)  หรือ CAT เปิดเผยว่า CAT ในฐานะหน่วยงานสื่อสารโทรคมนาคมภาครัฐเตรียมปรับแนวทางดำเนินธุรกิจปี 2561 จากเคยเน้นบริการโครงข่ายมามุ่งเน้นธุรกิจด้านบริการดิจิทัล (Digital service) มากขึ้น เพื่อยกระดับการแข่งขันขององค์กรให้ทันกับเทคโนโลยีปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคดิจิทัล

IMG_1519

ทั้งนี้ การดำเนินงานปี 2561 จะเดินหน้าสานต่อโครงการสำคัญของปี 2560   ได้แก่ 1) โครงการขยายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศวงเงิน 2 พันล้านบาท เพื่อให้ประเทศไทยมีโครงข่ายโทรคมนาคมพื้นฐานที่เพียงพอรองรับการเชื่อมโยง Big data รวมถึงส่งเสริมจุดแข็งให้ประเทศไทยขึ้นเป็นดิจิทัลฮับอาเซียน  ประกอบด้วยกิจกรรมย่อย

1. การเพิ่มความจุโครงข่ายเพื่อขยายคาพาซิตี้ภายในประเทศ โดยเชื่อมโยงพื้นที่รอยต่อชายแดนมายังสถานีเคเบิลใต้น้ำของCAT

2.การขยายความจุของระบบโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน โดยกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2561

3. การก่อสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบใหม่เชื่อมต่อประเทศไทยกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก  โดยล่าสุด CAT ได้ร่วมหารือแนวทางร่วมกันกับผู้ให้บริการจากประเทศมาเลเซีย เวียดนามกัมพูชา และจีน

2) การพัฒนาโครงข่ายไร้สาย LoRaWAN (Long-Range Wide Area Network)  โครงข่ายใหม่ที่รองรับการพัฒนาบริการ IoT และ Smart city โดยเฉพาะและเป็นการปูทางสู่การให้บริการอัจฉริยะต่างๆของCAT ในระยะยาว จากการทดสอบใช้งานระบบตั้งแต่ต้นปีขณะนี้โครงข่าย LoRaWAN ได้ติดตั้งใช้งานโดยสมบูรณ์แล้วในโครงการภูเก็ตสมาร์ทซิตี้

โดย CAT มีแผนขยายโครงข่าย LoRaWAN ให้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีความต้องการใช้บริการ IoT มากยิ่งขึ้น และเตรียมเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ในช่วงต้นปี 2561 โดยนักพัฒนาจากทุกภาคส่วนสามารถร่วมพัฒนานวัตกรรม IoT บนโครงข่าย  LoRaWAN ที่มีเสถียรภาพสูงในอัตราค่าบริการต่ำ ทั้งนี้ CAT สามารถดำเนินการติดตั้งโครงข่าย LoRaWAN ได้อย่างรวดเร็วบนโครงสร้างพื้นฐานเดิมของโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ CAT ให้บริการอยู่  ทำให้ต้นทุนต่ำและส่งผลให้ค่าบริการเชื่อมต่อข้อมูลของอุปกรณ์ IoT บนโครงข่าย LoRaWAN มีอัตราถูกมากเมื่อเทียบกับกับค่าใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่

และเมื่อจำนวนอุปกรณ์ IoT มีการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากมหาศาลในอนาคตอันใกล้จะเป็นรายได้ที่ไม่น้อยและเป็นรายได้ระยะ
ยาวให้กับ CAT  รวมถึง CAT ยังมีแผนจะเป็นทั้งผู้ให้บริการโครงข่ายและเตรียมผันตัวเป็นผู้ให้บริการอัจฉริยะต่างๆ ร่วมกับพาร์ทเนอร์

นอกจากนี้ CAT ยังได้ร่วมกับกลุ่มสามารถ (SISC) ขยายบริการโครงข่ายวิทยุคมนาคมระบบดิจิทัล DTRS (Digital Trunked Radio System)  บนคลื่นความถี่ย่าน 800 MHz  จำนวน 1,000 สถานีฐานทั่วประเทศ   เพื่อรองรับการใช้งานของผู้ใช้บริการในพื้นที่ที่มีความต้องการใช้งานได้อย่างเพียงพอ

IMG_1515

        การขยายโครงข่ายพื้นฐานดังกล่าวจะเกิดเสถียรภาพการเชื่อมโยงข้อมูลที่แข็งแกร่ง ซึ่ง CAT ได้นำมาสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ ที่เป็นเป้าหมายสำคัญ ได้แก่

Digital Park Thailand   CAT ริเริ่มโครงการพัฒนา Digital Park Thailand เนื้อที่กว่า 700 ไร่
ในอำเภอศรีราชา ให้เป็นเมืองนวัตกรรมดิจิทัลครบวงจรในพื้นที่ EEC  เป็นพื้นที่พิเศษมีสภาพแวดล้อมด้านดิจิทัล รองรับเหล่านักลงทุนและสตาร์ทอัพในการคิดค้นต่อยอดนวัตกรรมและบริการต่างๆ สำหรับเมืองอัจฉริยะ  ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าพื้นที่ดังกล่าวและช่วยส่งเสริมผลักดันประเทศไทยก้าวสู่ 4.0

ทั้งนี้ CAT มีแนวทางที่จะจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการโครงการฯ  โดยหาเอกชนมาร่วมลงทุนพัฒนาพาร์ค ขณะนี้ Digital Park Thailand ได้บรรจุเป็นหนึ่งในโครงการร่วมทุน PPP ของ EEC คาดว่าจะเข้าสู่ขั้นตอนการคัดเลือกผู้ร่วมลงทุนได้อย่างช้าไตรมาส 3 ปีหน้า

ภูเก็ตสมาร์ทซิตี้ ต้นแบบเมืองอัจฉริยะที่ขณะนี้โครงข่ายมีความสมบูรณ์ใช้งานได้ 100%  โดย CAT ได้ติดตั้งฟรีไวไฟครบทั้ง 1,000 จุด ครอบคลุมทั่วจังหวัดภูเก็ต พร้อมกับได้วางระบบแพลทฟอร์ม LORA เทคโนโลยีโครงข่ายไร้สายใช้พลังงานต่ำ เพื่อการสื่อสัญญาณระหว่างอุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน  ซึ่งขณะนี้ได้เปิดใช้งานเชื่อมต่อระบบ Smart Logistics ให้บริการ GPS Tracking  ติดตามตัวบุคคล ยานพาหนะต่างๆ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์

นอกจากนี้ยังมีระบบอื่นๆที่ทยอยเปิดใช้งานอย่างระบบ Smart Utility รองรับการทำงานของมิเตอร์อัจฉริยะสำหรับสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา  ตลอดจนการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม เช่น มิเตอร์วัดระดับน้ำ ระดับความชื้นใต้ดิน สามารถใช้ประโยชน์ด้านการเตือนภัยในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ฯลฯ  โครงข่ายของ CAT สามารถรองรับการพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่นักท่องเที่ยวและชาวเมืองภูเก็ตซึ่ง CAT จะนำต้นแบบความสำเร็จของเมืองอัจฉริยะที่ภูเก็ต ขยายผลต่อไปยังเชียงใหม่  ขอนแก่น  และพื้นที่อื่นๆต่อไป

         นอกจากนี้ CAT ยังมุ่งเน้นการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วนในการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลใหม่ๆ โดยล่าสุด CAT ได้ลงนามกับปตท.ร่วมกันบูรณาการ“เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi)” ในพื้นที่วังจันทร์วัลเล่ย์ จ.ระยอง ปตท. และ “เขตนวัตกรรมดิจิทัลภาคตะวันออก (EECd)” ในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี   โดยกรอบความร่วมมือที่สามารถพัฒนาร่วมกัน เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ตรวจสอบท่อก๊าซธรรมชาติ แทนการใช้เฮลิคอปเตอร์ ที่ ปตท.ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นต้น

ขณะที่ CAT มีพื้นที่ Data Center ใช้เก็บข้อมูลขนาดใหญ่(Big Data) และจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมากซึ่งอาจร่วมกันพิจารณาแนวทางสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นมารองรับ
สำหรับผลประกอบการในช่วง 10 เดือนของปีนี้  CAT มีรายได้ 41,194 ล้านบาท รายจ่าย 41,218 ล้านบาท ขาดทุนจากการดำเนินงาน 24 ล้านบาท  รายได้ที่ต่ำกว่าแผนธุรกิจเนื่องจากบริการหลักคือธุรกิจไร้สาย กลุ่มบริการโทรศัพฺท์ และบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตมีการเติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย  โดยรายได้กลุ่มบริการโทรศัพฺท์ลดลง 5 ปีย้อนหลัง จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมที่คนใช้การสื่อสารด้วยดาต้าเป็นหลัก  ส่งผลให้เทรนด์เติบโตของบริการกลุ่มโทรศัพท์ระหว่างประเทศลดลงต่อเนื่องเฉลี่ย 12 % โดยสิ้นปีนี้จะทำรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มบริการลื่อสารไร้สาย ยังคงเป็นรายได้ส่วนใหญ่โดยมีกำไรจากการขายส่งตามสัญญาให้บริการ HSPA ขณะที่ my เติบโตขึ้นเล็กน้อย และรายได้สัมปทานดีแทคลดลง  ส่วนบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เติบโตขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย (ประมาณ 100 ล้านบาท) ขณะที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการจ่ายค่าตอบแทนในโครงการเกษียณก่อนกำหนด (Early Retirement) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 500 ล้านบาท  บวกกับมีค่าใช้จ่ายรายการพิเศษจากคดีกับกรมสรรพากรที่สิ้นสุดในปีนี้จำนวน 2,378 ล้านบาท  ซึ่งรวมรับรู้เป็นรายจ่ายส่งผลให้ขาดทุนรวมประมาณ 2,402 ล้านบาท

IMG_1517

อย่างไรก็ดี มั่นใจว่า CAT สามารถกลับมามีกำไรในปีหน้าโดยปัจจัยสนับสนุน เช่น การลดต้นทุนจากโครงการ Early Retirement ในปีนี้มีผู้เข้าร่วมเต็มตามเป้าหมายซึ่งจะส่งผลช่วยทำให้ต้นทุนบุคลากรลดลงในระยะยาว  โดยระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมาต้นทุนลดลงเฉลี่ยเดือนละ 10 ล้าน   นอกจากนี้ การฟื้นรายได้ปีหน้าของ CAT คาดว่าจะเกิดจากโครงการส่วนหนึ่งที่นำเสนอกระทรวง DE และคาดว่าจะเสนอครม.อนุมัติได้ในปี 2561 ได้แก่ โครงการดาวเทียมภาครัฐ  และการยุติปัญหาคู่สัมปทานดีแทค และทรู ซึ่งอยู่ในขั้นตอนที่กระทรวง DE จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีและคาดว่าจะผ่านได้ไตรมาสแรกปีหน้า

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*